วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559

การตัดต่อวิดีโอด้วยโปรแกรม Sony vegas pro 13

การตัดต่อวิดีโอด้วยโปรแกรม Sony vegas pro 13

หลังจากติดตั้งโปรแกรมตัดต่อวีดีโอ Sony Vegas สำเร็จกันไปแล้วนะครับจาก Episode II คราวนี้จะมาเริ่มต้นการตัดต่อวีดีโอกันซะทีครับ วิธีการของผมที่ใช้ทำงานอยู่เป็นประจำรวบรวมมาแล้วมีทั้งหมด 5 กระบวนท่าครับ เริ่มจากกระบวนท่าแรก คือ การตั้งค่า Project ให้เหมาะสมกับไฟล์วีดีโอของเรา กระบวนท่าที่สอง คือ การนำเข้า media ต่างๆ เช่น วีดีโอ ภาพ เสียงเพลง กระบวนท่าที่สาม คือ จัดเรียง เราเอา media ของเรามาจัดเรียงบน Timeline ตามที่เราต้องการ กระบวนท่าที่สี่ คือ การตกแต่ง เมื่อจัดเรียงเสร็จแล้วบางครั้งเราก็อยากสื่อถึงอารมณ์ของภาพที่แตกต่างกัน โดยใช้ Effect หรือ Transition หรือบางทีต้องการใส่ตัวอักษรเพิ่มเติม กระบวนท่าที่ห้า เป็นกระบวนท่าสุดท้ายแล้ว คือ การส่งออก หลังจากตกแต่งเสร็จหมดทุกอย่างแล้ว เราก็จะทำการส่งออกไฟล์ เราต้องรู้จุดประสงค์ก่อนว่าจะเอาไฟล์ที่ตัดต่อเสร็จแล้วไปทำอะไร การใช้งานแต่ละประเภทจะใช้ไฟล์วีดีโอนามสกุลที่ไม่เหมือนกัน แค่ 5 กระบวนท่านี้เราก็สามารถตัดต่อวีดีโอได้ด้วยตัวเองแล้วครับ จะมือใหม่หรือมือเก่าก็สามารถทำตามได้ครับ เพราะเน้นการอธิบายด้วยภาพที่เข้าใจง่าย สามารถฝึกหัดทำตามไปได้เลย ไปติดตามต่อกันได้แล้วครับ

การตัดต่อวีดีโอด้วย Sony Vegas สามารถทำได้ง่ายมากครับ เพราะโปรแกรมมีการออกแบบหน้าตาการใช้งานที่ดูเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับมือใหม่อย่างผมและพวกพี่ๆครับ ในบทนี้ผมจะแนะนำกระบวนท่าทั้ง 5 แบบพื้นฐานก่อนนะครับ อ่านจบแล้วสามารถตัดต่อวีดีโอได้เลยครับ ส่วนเทคนิคต่างๆผมจะสอนเพิ่มในบทต่อๆไปครับ ก่อนที่เราจะไปศึกษากระบวนท่าต่างๆ ผมว่าเราไปทำความรู้จักหน้าตาโปรแกรมกันก่อนดีกว่าครับ
หน้าตาโปรแกรมตัดต่อวีดีโอ Sony Vegas ประกอบไปด้วย 5 ส่วนใหญ่ๆครับ มี Menu bar + Toolbar + Docking area + Timeline + Mixer + Monitor Preview ทำความรู้จักเอาไว้ครับ เวลาผมเรียกส่วนไหนจะได้เข้าใจครับ
Win AVI : http://www.sendspace.com/file/uqes9u
กระบวนท่าที่ 1 ตั้งค่า Project – อยู่ในส่วน Menu bar + Toolbar ครับ
ส่วนใหญ่แล้ววีดีโอที่เราถ่ายมาจากกล้องถ่ายวีดีโอทั่วไป จะมีระบบที่เป็นมาตรฐานทั่วไป คือ PAL 720×576 ที่จำนวน Frame rate 25 เฟรมต่อวินาที หรือในบางกรณีที่เราถ่ายวีดีโอมาเป็น High Definition ที่ความละเอียด 1280×720 หรือที่ Full High Definition ที่ความละเอียด 1920×1080 เราจะตั้งค่า Project ไว้ที่เท่าไรก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเราว่า จะเอาไปใช้เปิดงานไหน ถ้าเปิดดูตามบ้านด้วยโทรทัศน์หรือเปิดกับเครื่องเล่น DVD ผ่าน Projector เพื่อฉาย Presentation แต่งงาน ก็ให้เราตั้งค่าเป็น PAL DV ได้เลยครับ ค่าอื่นๆก็ไม่ต้องไปสนใจมัน ดูวิธีการตั้งค่าตามรูปแล้วกำหนดค่าตามได้เลยครับ
กระบวนท่าที่ 2 นำเข้า Media – อยู่ในส่วน Docking area ครับ
มันก็คือการเอาวีดีโอ รูปภาพ หรือเพลงที่ต้องการจะนำมาตัดต่อ ให้มันเข้ามาอยู่ในโปรแกรม อาจจะใช้วิธีเลือกปุ่มที่จะใช้ insert media ต่างๆหรือจะใช้วิธีบ้านๆแบบผมก็ได้ครับ อยากได้ไฟล์ไหนก็ลากเข้ามาดื้อๆเลยครับ ขอแนะนำนิดนึงครับ เราควรทำเป็นโฟลเดอร์เพื่อจัดระเบียบไฟล์ว่าเป็นไฟล์วีดีโอ ไฟล์รูป หรือไฟล์เพลงครับ เพื่อที่จะสะดวกในการตัดต่อวีดีโอครับ บางงานที่ผมทำมีไฟล์ต่างๆรวมกันเกือบร้อยไฟล์ ถ้าเราไม่จัดระเบียบมันให้ดี มีหวังปวดหัวแน่ๆครับในการหาไฟล์มาใช้งาน ไปดูวิธีทำตามรูปกันครับ
นามสกุลของไฟล์ที่รองรับการนำเข้าครับ
Supported File Formats
Opens: AA3, AAF, AIF, ASF, AU, AVI, BMP, BWF, CDA, DIG, DLX, DPX, DV, EXR, FLAC, GIF, HDP, IVC, JPG, M2T, M2TS, MOV, Sony MXF, MP3, MP4, M4A, MPEG-1 and MPEG-2 video, OGG, OMA, PCA, PNG, PSD, QT, R3D, SFA, SND, SWF*, TIFF, TGA, VOX, W64, WAV, WDP, WMA, WMV
Saves: AA3, AC3, AIF, ATRAC, AVC, AVI, DPX, EXR, FLAC, HDP, MOV, MP3, MPEG-1 and MPEG-2 video, MP4, M2T, Sony MXF, OGG, PCA, RM, W64, WAV, WMA, WMV
Note: ไฟล์นามสกุล flv ไม่สามารถนำเข้าโปรแกรมได้ครับ ต้องแปลงไฟล์เป็นนามสกุลอื่นก็นะครับ อาจจะใช้ WinAVI All in One Converter ที่ผมเคยแบ่งปันสามารถแปลงไฟล์ได้ครับ
http://www.mediafire.com/?x925xy5zpoyud93
กระบวนท่าที่ 3 จัดเรียงบน Timeline – อยู่ในส่วน Timeline ครับ
เมื่อเตรียม media ที่จะใช้งานพร้อมแล้ว ต่อไปเราก็เอาไฟล์ที่เราต้องการลากลงไปใน Timeline อยากใช้ไฟล์ไหนก็ลากไฟล์นั้นลงไปใน Timeline ครับ
Timeline จะแบ่งเป็น 2 ประเภทครับ คือ ประเภทภาพและประเภทเสียงครับ วีดีโอและภาพต่างๆจะอยู่บน Timeline ประเภทภาพครับ เสียงต่างๆไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลง Sound Effect ดนตรีต่างๆ จะอยู่บน Timeline ประเภทเสียงครับ (ตัวหนังสือต่างๆก็จัดอยู่ใน Timeline ประเภทภาพครับ)
หลังจากที่เราเอาไฟล์ที่ต้องการจัดเรียงลงบน Timeline ตามที่ต้องการแล้ว เราสามารถดูผลงานที่เกิดขึ้นได้ครับ จากส่วน Monitor Preview ครับ โดยให้เราเลือกตำแหน่งวีดีโอบน Timeline ที่ต้องการ Preview แล้วกด Spacebar ครับจะเป็นคำสั่งให้ Preview จากตำแหน่งที่กำหนดครับ
ในหน้าจอ Monitor Preview เราก็สามารถกดปุ่มสามเหลี่ยม (Play) เพื่อที่จะ Preview ได้เหมือนกัน ในส่วนนี้มีข้อแนะนำเรื่องการตั้งค่า Safe Areas ค่านี้จะหมายถึง เวลาเราเอาวีดีโอที่ตัดต่อเสร็จแล้วไปเปิดดูในทีวี  (ให้ดูภาพประกอบครับ) ภาพในส่วนกรอบสีแดงจะถูกตัดหายไปครับ (Overscan) ส่วนกรอบสีส้มจะเป็นตำแหน่งที่ภาพสามารถแสดงได้ริมสุด (Action safe) ส่วนพื้นที่สีเขียวจะเป็นบริเวณที่แสดงภาพในจอทีวี (Title safe) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับจอทีวีที่เราใช้ด้วยครับ ถ้าเราใช้จอทีวีประเภทหลังตูมๆ (CRT) ภาพจะถูกตัดออกไปประมาณนี้ครับ ถ้าเป็นจอ LCD TV ภาพจะถูกตัดออกไปน้อยกว่าครับ แต่ถ้าวีดีโอของเราที่ตัดต่อวีดีโอเสร็จแล้วจะเอาไปเปิดเล่นกับคอมพิวเตอร์หรือส่งภาพออกไปฉายกับ Projector ก็ไม่ต้องกังวลเรื่อง Safe Areas ครับ
ในส่วน Monitor Preview ยังมีส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งครับในการตัดต่อวีดีโอ นั่นคือการตั้งค่าความละเอียดของการ Preview ครับ ดูตามรูปได้เลยครับ การตั้งค่า Preview สามารถตั้งค่าได้ 4 แบบ คือ Auto, Full, Half, Quarter ถ้าเราตั้งค่า Preview ให้ชัดมากเป็นแบบ Full มันก็จะกินแรงเครื่องเรามากครับ อาจทำให้การ Preview ไม่ราบรื่นครับ แนะนำให้ตั้งค่าการ Preview เป็นแบบ Half ครับ เพราะภาพในโปรแกรมที่ Preview ค่อนข้างชัดและไม่กินแรงเครื่องมากด้วยครับ
กระบวนท่าที่สี่ การตกแต่ง – อยู่ในส่วน Docking area ครับ
หลังจากจัดเรียงวีดีโอแล้ว ในบาง scene เราต้องการอารมณ์ของภาพที่แตกต่างกัน เช่น ต้องการให้ภาพสว่างขึ้น สีสดขึ้น หรือต้องการให้ภาพดูออกมาเป็นภาพเก่าๆ สิ่งเหล่านี้สามารถทำได้โดยใช้ Video Effect ช่วยครับ ผมจะขอแนะนำ Effect พื้นฐานที่จำเป็นให้ครับ ที่ใช้ประจำก็มี
Brightness and Contrast ไว้ปรับความสว่างและความสดของภาพ
Film Effects ทำให้ภาพดูเก่าขึ้น Gaussian Blur ทำให้ภาพเบลอขึ้น
เรื่อง Effect อื่นๆไว้เราจะมาเจาะลึกในตอนต่อๆไปครับ เช่น Effect ที่ทำสีเหมือนภาพยนตร์เป็นต้น วิธีใช้ก็เพียงแค่ลาก Effect จากในส่วนของ Video FX เข้าไปใส่ในวีดีโอหรือภาพที่ต้องการแค่นี้เองครับ
การใส่ Effect ไม่ได้ใส่ได้เฉพาะแค่ภาพเท่านั้นนะครับ เสียงก็สามารถใส่ Effect ได้เหมือนกันครับ เช่น ทำให้เสียงก้องเหมือนอยู่ในห้องโถง เอาไว้เราจะมาชำแหละเรื่อง Effect ของเสียงในบทต่อๆไปครับบางครั้งเราต้องการอารมณ์ของภาพที่ดูซึ้งๆ การที่เอาวีดีโอแต่ละส่วนมาต่อกัน เมื่อถึงรอยต่อระหว่างวีดีโอจะเป็นการตัดแบบห้วนๆบางทีดูแล้วมันไม่ซึ้ง เราต้องใช้ Transition เข้าช่วยครับ วิธีการก็คือ ลากไฟล์ 2 ไฟล์ให้มาเกยกันครับ ยิ่งเกยกันมาก Transition ก็จะยิ่งเกิดนานครับ (ปกติผมใช้ระยะเวลาในการ Transition 1 วินาทีครับ ถ้าใครต้องการอารมณ์ซึ้งมากก็อาจจะใช้เวลามากขึ้นครับ) สไตล์ของ Transition มีให้เลือกมากมายครับ ทั้งแบบ Fade (เป็นค่า Default ครับ มีรูปแบบ คือ อันนึงค่อยๆมืด อันนึงค่อยๆสว่าง) แบบบานพับ แบบวงกลม อื่นๆมากมายครับ แล้วแต่เราครับว่าจะเลือกใช้รูปแบบไหนครับ
การตัดต่อวีดีโออาจจะต้องการใส่ข้อความลงไปครับ เช่น อาจใส่ชื่อของคู่บ่าวสาวลงไป ให้เราไปที่ Docking area แล้วเลือกไปที่ Media Generators แล้วเลือกไปที่ช่อง Text จะมีตัวหนังสือสำเร็จรูปให้เราเลือกครับ เราเลือกอันไหนก็ได้ครับ เพราะว่าสามารถมาแก้ไขภายหลังได้ครับ ก่อนเพิ่มตัวหนังสือเราก็ต้องเพิ่ม Layer Video เพิ่มขึ้นมาอีกอันครับ เพราะเราต้องการเอาตัวหนังสืออยู่บนภาพครับ ดูวิธีทำตามรูปได้เลยครับ
การใส่ภาพประกอบ Presentation ในบางครั้งภาพของเรามีขนาดเล็กกว่าหรือใหญ่กว่าขนาดของหน้าจอที่เราตั้งค่าไว้ ถ้าเราต้องการให้ภาพมีขนาดพอดีกับจอ เรามีวิธีการดังนี้ครับ
กระบวนท่าที่ห้า การส่งออก – อยู่ในส่วน Menu bar ครับ
หลังจากที่เราทำการตัดต่อวีดีโอและตรวจสอบทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือขั้นตอนสุดท้ายครับ คือ การส่งออก นั่นก็คือการ Render นั่นเองครับ ขั้นตอนแรก คือ การกำหนดพื้นที่ที่จะทำการ render ก่อนครับ
หลังจากได้ Loop Region แล้วให้เราไปที่ Toolbar เพื่อเลือกคำสั่ง File – Render as จากนั้นให้ทำตามรูปครับ
โดยผมจะอธิบายส่วนสำคัญ คือ นามสกุลของไฟล์ครับ ถ้าเราต้องการนำไฟล์ที่ตัดต่อเสร็จแล้ว เพื่อไปรวมกับไฟล์อื่นเพื่อตัดต่อเพิ่มเติม หรือต้องการไฟล์ที่ตัดต่อเสร็จแล้วนำไปเปิดกับเครื่องเล่น DVD เพื่อฉาย Presentation ในงาน ให้เลือกนามสกุลเป็น AVI ครับ Template PAL DV ไฟล์ AVI ที่ได้จะมีความคมชัดใกล้เคียงกับต้นฉบับครับ สามารถนำไปตัดต่อรวมกับไฟล์อื่นได้เลย หรือถ้าเราต้องการจะนำเปิดกับเครื่องเล่น DVD ให้เราใช้โปรแกรม Canopus Procoder 2.0 ที่ผมได้เคยสอนวิธีการใช้ไว้จากสอนทำ Presentation – การ Export ไฟล์และใส่เพลงประกอบการทำ Presentation ด้วย After Effect
Canopus Procoder 2.0 : http://www.mediafire.com/?93999z1p199apre
ถ้าเราต้องการไฟล์ทีได้จากการตัดต่อวีดีโอเพื่อนำไปลง Youtube ให้เราเลือกนามสกุลเป็น mp4 ครับ ส่วนถ้าเราต้องการเฉพาะเสียงเพื่อเอาไปทำริงโทน ให้เราเลือกนามสกุลเป็น mp3 ครับ
ตัดต่อวีดีโอด้วย Sony Vegas เจอ 5 กระบวนท่าของเราเข้าไป แค่นี้เราก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองแบบเบื้องต้นแล้วครับ แต่ยังไม่จบแค่นี้นะครับเพราะนี่เป็นแค่กระบวนท่าพื้นฐานเท่านั้น สามารถสู้ได้แค่พวกลูกจ๊อกเท่านั้น ยังเหลือคัมภีร์อีกหลายเล่มครับที่ผมจะนำมาเผยแพร่ให้พี่น้องได้เรียนรู้กัน พี่น้องท่านไหนสงสัยอะไรเกี่ยวกับการถ่ายวีดีโอ การตัดต่อวีดีโอ การทำ Presentation ด้วย Proshow หรือ After Effect สามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนความรู้กันได้นะครับที่ ทำ presentation ง่ายๆ สไตล์ ยิ้ม ยิ้ม